ในปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีญาติพี่น้องเดินทางไปเรียนหรือทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าการส่งของไปให้จากประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการแสดงความห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นของฝาก ของใช้จำเป็น หรืออาหารไทยที่ช่วยให้คลายความคิดถึงบ้านได้ อย่างไรก็ตาม การส่งของข้ามประเทศ โดยเฉพาะไปยังประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดอย่างญี่ปุ่นนั้น ต้องอาศัยความรอบคอบและการวางแผนที่ดี เพื่อให้ของที่ส่งไปถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย และไม่มีปัญหาระหว่างทาง
บทความนี้จะพาไปดู 5 เทคนิคสำคัญสำหรับคนที่กำลังวางแผนส่งของไปญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนไทยในญี่ปุ่น พนักงานต่างแดน หรือญาติพี่น้องของคุณ เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ของที่ส่งออกเดินทางได้ปลอดภัย และถึงปลายทางโดยไร้กังวล
1. ตรวจสอบรายการสิ่งของที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น
ก่อนจัดของใส่กล่องพัสดุ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ตรวจสอบข้อกำหนดของศุลกากรญี่ปุ่น ว่ามีสิ่งใดบ้างที่ “ห้ามนำเข้า” หรือ “ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า” เพราะหากฝ่าฝืน ไม่เพียงแต่พัสดุจะถูกยึดหรือทำลาย ยังอาจมีผลทางกฎหมายกับผู้ส่งอีกด้วย ตัวอย่างของที่ห้ามส่งไปญี่ปุ่น เช่น
- ยาเสพติด หรือยาที่มีสารต้องห้ามแม้จะเป็นยารักษาโรค
- อาวุธ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เป็นอาวุธได้
- อาหารสดหรือแปรรูปโดยไม่มีใบอนุญาต
- ของลอกเลียนแบบแบรนด์เนม
- สินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือมีเนื้อหาลามกอนาจาร
ควรเข้าเว็บไซต์กรมศุลกากรญี่ปุ่น หรือสอบถามบริษัทขนส่งเพื่อขอข้อมูลล่าสุดก่อนส่งของทุกครั้ง
2. เลือกบริษัทขนส่งที่เชี่ยวชาญเส้นทางญี่ปุ่น
การเลือกขนส่งเป็นหัวใจสำคัญ ของความปลอดภัยในการส่งพัสดุข้ามประเทศ แนะนำให้เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์ส่งของไปญี่ปุ่นโดยตรง เช่น EMS, DHL, FedEx, UPS หรือบริษัทโลจิสติกส์ที่มีพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นในญี่ปุ่น เพื่อให้การจัดส่งมีความรวดเร็ว ตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา และมีบริการเคลียร์ภาษีศุลกากรหากจำเป็น
นอกจากนี้ยังควรสอบถามเกี่ยวกับระยะเวลาการจัดส่ง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ปลายทางมีภาษี และประกันความเสียหายพัสดุ
3. แพ็กของให้แน่นหนา พร้อมป้องกันการกระแทก
การห่อหุ้มพัสดุ เพื่อส่งของไปญี่ปุ่น ควรทำอย่างรัดกุมและปลอดภัยที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าของจะไม่เสียหายระหว่างขนส่ง ควรใช้กล่องที่แข็งแรง ซับในด้วยวัสดุกันกระแทก เช่น บับเบิ้ลแรป โฟม หรือกระดาษลูกฟูก โดยเฉพาะหากเป็นของเปราะบางหรือแตกง่าย เช่น ขวดแก้ว เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือขนมไทยแห้ง ๆ
แนะนำให้ระบุว่า “Fragile” หรือ “ห้ามโยน” บนกล่อง และหากเป็นของเหลว ควรใส่ถุงกันซึมหลายชั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหล
4. กรอกเอกสารศุลกากรให้ครบถ้วนและตรงตามจริง
เอกสารประกอบการส่งของไปญี่ปุ่น เช่น ใบรายการของ (Customs Declaration) และใบแจ้งราคาสินค้า (Invoice) ต้องกรอกให้ถูกต้องและตรงกับของที่อยู่ในกล่องอย่างละเอียด โดยระบุ
- รายการของแต่ละชิ้น
- ปริมาณและมูลค่าคร่าว ๆ ของสินค้า
- วัตถุประสงค์ของการส่ง (เช่น ของขวัญ ของใช้ส่วนตัว ไม่ได้มีเพื่อการค้า)
หากมีของต้องขอใบอนุญาต ควรจัดเตรียมแนบเอกสารให้ครบ เพื่อป้องกันการล่าช้าในการตรวจสอบ
5. ตรวจสอบที่อยู่ผู้รับและติดต่อปลายทางให้พร้อม
ชื่อและที่อยู่ของผู้รับต้องเขียนให้ถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วน รวมถึงรหัสไปรษณีย์ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล หากพัสดุถูกส่งไปแล้วมีปัญหา เช่น ที่อยู่ผิด เจ้าหน้าที่จะสามารถติดต่อปลายทางเพื่อแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
หากผู้รับอยู่หอพักหรืออพาร์ตเมนต์ ควรระบุชื่ออาคาร ชั้น หรือเลขห้องให้ครบถ้วน และหากผู้รับไม่อยู่บ้าน ควรแน่ใจว่ามีคนสามารถรับของแทนได้
การส่งของไปญี่ปุ่นอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก ๆ แต่ในความเป็นจริงมีรายละเอียดมากมายที่ต้องใส่ใจ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อห้าม แพ็กของให้ดี และเลือกขนส่งที่เชื่อถือได้ หากคุณมีญาติพี่น้องอยู่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือคนทำงาน การส่งของด้วยความรอบคอบ จะช่วยให้ความห่วงใยของคุณส่งถึงมือผู้รับได้อย่างปลอดภัย อุ่นใจทั้งคนส่งและคนรับในต่างแดน









































